all design

"ESG" อะไรคือ?

"ESG" อะไรคือ?

                    ESG หมายถึงนโยบายทางด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) ถือเป็นแนวคิดเพื่อความยั่งยืนขององค์กร (Sustainability) เป็นการทำงานที่ไม่ได้เน้นถึงผลกำไรที่เป็นเม็ดเงินอย่างเดียว แต่ต้องคำนึงถึงองค์ประกอบในภาพรวมอีกด้วย ซึ่งการบริหารธุรกิจด้วยหลัก ESG อย่างจริงจังจะส่งผลดีกับองค์กร โดยเฉพาะในเรื่องภาพลักษณ์ (Branding), ความน่าเชื่อถือ (Trustworthy) ซึ่งนับเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตง่ายขึ้น

                    นอกจากนี้องค์กรที่ใช้หลัก ESG จะให้ความสำคัญกับการบริหารงานบุคคล มีกระบวนการทำงานที่โปร่งใส ชัดเจน ตรวจสอบได้ง่าย วิธีทำงานแบบนี้ทำให้เราสามารถรักษาพนักงานเดิม และดึงดูดคนที่มีฝีมือมาสู่องค์กรได้พร้อม ๆ กัน ESG จึงนับเป็นกลยุทธ์ทางนโยบายที่องค์กรยุคใหม่จะมองข้ามไปไม่ได้เด็ดขาด

                    ความสำคัญของ ESG ไม่ได้อยู่แค่ส่วนขององค์กรเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงการเลือกลงทุนหรือร่วมมือกับบริษัทที่มีแนวคิดแบบเดียวกันด้วย ดังนั้นองค์กรที่ไม่ใส่ใจเรื่อง ESG และความยั่งยืน ก็มีโอกาสที่จะสูญเสียโอกาสทางธุรกิจไปโดยไม่รู้ตัว

“E” Environmental

มิติสิ่งแวดล้อม (Environmental Dimension)

เป็นผลมาจากการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากการดำเนินธุรกิจต้องมีใช้ทรัพยากรทางธรรมชาติที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ดังนั้นจึงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าทุกธุรกิจล้วนมีส่วนในการทำร้ายโลกไม่มากก็น้อย ประเด็นดังกล่าวจึงเป็นเรื่องเกี่ยวกับการจัดการ
การใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้คุ้มค่าที่สุดและทำให้ผลเสียจากการดำเนินธุรกิจส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด

Eco System

Energy resources

Climate change

pollution

“S” Social

ความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจทั้งภายในและภายนอก ได้แก่ พนักงาน ลูกค้า ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ชุมชนท้องถิ่น และผู้ทำงานในห่วงโซ่คุณค่า หรือ เป็นการพิจารณาการบริหารทรัพยากรบุคคลอย่างเป็นธรรม และ เท่าเทียม รวมถึงความเป็นอยู่ของสังคมทั้งภายใน และ ภายนอกของบริษัท

Human rights

Employee relations

Skilled labor

Health and safety

Diversity

Customer relations

Product responsibility

“G” Governance

 เป็นประเด็นของความโปร่งใสในการดำเนินงานของธุรกิจ รวมไปถึงนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการต่อต้านการทุจริตและการตรวจสอบเพื่อผลประโยชน์ที่เป็นธรรมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องของธุรกิจทั้งหมด ซึ่งอาจประเมินได้จากความโปร่งใสในการดำเนินงาน วัฒนธรรมองค์กร กฎ ระเบียบ สัดส่วน และนโยบายในการแบ่งผลตอบแทน การจัดการด้านภาษี โครงสร้างผู้บริหาร ความแตกต่างหลากหลายของผู้บริหารและคณะกรรมการของบริษัท ความปลอดภัยทางไซเบอร์ การเปิดเผยนโยบายและขั้นตอนอย่างตรงไปตรงมา การดำเนินการเพื่อลดการทุจริตและคอรัปชั่นในองค์กร โดยทุกขั้นตอนการดำเนินงานต้องโปร่งใส ยุติธรรม และตรวจสอบได้

Business integrity

Shareholder rights

Executive pay

Audit practices

Board independence & expertise

Fiduciary duty

"ESG" มีองค์ประกอบอะไรบ้าง ?

การทำธุรกิจให้ยั่งยืนไม่ใช่เรื่องง่าย บางคนอาจมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว และคิดว่าเราแค่ฉกฉวยเพียงโอกาสระยะสั้นที่เกิดขึ้นในแต่ละวันก็พอ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของ HR ที่จะสร้างค่านิยม (Value) ปรับทัศนคติ (Mindset) และสร้างวัฒนธรรม (Culture) ให้บุคลากรเห็นความสำคัญใน 3 หัวข้อหลักดังต่อไปนี้

1. สิ่งแวดล้อม (Environment) : หมายถึงการพิจารณาว่าสิ่งที่องค์กรนั้น ๆ ทำส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมโดยรวมหรือไม่ เช่น การลดปริมาณปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยอ้างอิงตามข้อตกลงปารีสของสหประชาชาติ (UN’s Paris Agreement) ที่มีเป้าหมายให้ประเทศที่ลงนามระมัดระวังเรื่องการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้มากขึ้น และในส่วนของประเทศไทย ได้มีการตั้งเป้าว่าจะต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ร้อยละ 20–25 ภายในปี พ.ศ. 2573 ตาม Thailand’s Nationally Determined Contribution Roadmap on Mitigation 2021–2030

นอกจากนี้ยังหมายรวมถึงการใช้พลังงานในด้านต่าง ๆ เช่น ทรัพยากรน้ำ, การรีไซเคิลข้าวของเครื่องใช้ในสำนักงานอย่างคุ้มค่า, การกำจัดขยะจำพวกพลาสติก, การเลือกใช้สารเคมีอันตราย เป็นต้น เรียกว่าอะไรที่ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม องค์กรก็ต้องให้ความสำคัญทั้งสิ้น

2. สังคม (Social) : องค์กรต้องแสดงให้ผู้อื่นเห็นว่าเราให้ความสำคัญกับบุคลากรในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นคนที่ยังอยู่ในปัจจุบัน, คนที่เคยอยู่ (Alumni), คนที่อาจมาอยู่กับเราในอนาคต (Candidate) หรือแม้แต่ลูกค้า (Customers) และชุมชนโดยรอบ (Community) ประเด็นด้านสังคมเป็นส่วนที่ต้องจับตามองอย่างมากในปัจจุบัน เพราะเป็นยุคที่สังคมเปิดกว้าง ผู้คนกล้าแสดงออกทางความคิดมากกว่าที่เคย องค์กรจึงต้องแสดงให้เห็นว่าเราให้ความสำคัญกับความหลากหลาย (Diverse), ความเสมอภาค (Equity), การผนวกรวม (Inclusion) ความเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน (Belonging) เมื่อองค์กรมีสิ่งเหล่านี้ เราก็จะอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างเข้าอกเข้าใจ (Empathy) ยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการทำงานแบบไฮบริดที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงโควิด-19 กระบวนการทำงานแบบนี้ แม้จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องสมดุลชีวิต (Work Life Balance) และลดความเครียดจากการเดินทาง (Office Commute) ได้ แต่ในทางกลับกันก็ทำให้พนักงานรู้สึกโดดเดี่ยว (Tolerate) ขาดความเชื่อมโยงกับชุมชน และอาจนำไปสู่ปัญหาด้านสุขภาพจิต (Mental Health)

3. ธรรมาภิบาล (Governance) : องค์กรของเราต้องทำให้คนเห็นว่ามีความโปร่งใส เป็นธรรม และตรวจสอบได้ เช่น มีช่องทางให้พนักงานแสดงความคิดเห็น หรือแจ้งเบาะแสการทุจริตภายในองค์กร โดยสามารถทำแบบไม่ระบุตัวตน (Anonymous) ก็ได้ เพื่อให้พนักงานกล้าแสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมายิ่งขึ้น นอกจากนี้ทุกสิ่งที่ผู้บริหารทำต้องมีเหตุผล มีที่มาที่ไป ไม่มีอคติ (Bias) หรือเส้นสายที่อาจทำให้องค์กรต้องสูญเสียทรัพยากรโดยเปล่าประโยชน์

"ESG"สร้างประโยชน์ให้กับองค์กรได้อย่างไร ?

การให้ความสำคัญกับ ESG จะส่งผลดีต่อองค์กรในแง่มุมต่อไปนี้

                     1. เพิ่มอัตราการมีส่วนร่วมของพนักงาน (Employee’s Engegament) : Marsh & McLennan Advantage ได้ทำการศึกษาและค้นพบว่าธุรกิจที่พนักงานมีส่วนร่วมกับองค์กรสูง จะมีระดับความพึงพอใจในการทำงานสูงขึ้น แถมยังมีความฉลาดทางอารมณ์ (Emotionnal Intelligence) มากกว่าพนักงานที่มาจากองค์กรซึ่งไม่ให้ความสำคัญกับเรื่อง ESG อย่างเห็นได้ชัด

                     2. ทำงานได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น (Increase Productivity) : มีการเปิดเผยจาก London School of Economics ว่าบริษัทที่พนักงานมีความสุขและพึงพอใจสูง  จะสร้างผลตอบแทนกลับมาได้มากกว่าธุรกิจที่พนักงานไม่มีความสุข สอดคล้องกับผลวิจัยจาก Stern Center for Sustainable Business ซึ่งระบุว่าองค์กรที่มีคะแนน ESG ดี  จะมีสุขภาพทางการเงินที่ดีตามไปด้วย

                     3. ทำให้องค์กรมีภาพลักษณ์ดีขึ้น (Branding) : เมื่อองค์กรมีภาพจำต่อสาธารณะว่าให้ความสำคัญกับสังคม  สิ่งแวดล้อม, ชีวิตความเป็นอยู่ของพนักงานและชุมชนรอบข้าง เราก็จะได้รับความเชื่อมั่น มีแต่คนอยากทำงานด้วย แต่หากเราแสดงด้านลบออกไปสู่สาธารณะ กระบวนการนี้ก็จะเป็นดาบสองคม ที่กลับมาทำลายชื่อเสียงขององค์กรทันที

                     มีผลวิจัย ที่บอกว่าเวลาคนจะเลือกซื้อสินค้าบางอย่าง พวกเขาจะไม่ได้สนใจแค่เรื่องของราคาและคุณภาพเท่านั้น แต่ยังดูด้วยว่าองค์กรมีภาพลักษณ์และความใส่ใจต่อสังคมอย่างไร เราจึงได้เห็นผลิตภัณฑ์บางอย่างที่มียอดขายตกลงอย่างฮวบฮาบ เมื่อเจ้าของประพฤติตนในลักษณะของการเหยียดเพศ, ทำร้ายร่างกาย หรือปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่เป็นธรรม

                     นอกจากนี้ McKinsey ยังระบุว่าผู้ลงทุนและผู้ถือหุ้นถึง 83% จะเลือกทำงานกับองค์กรที่มีคะแนน ESG ดี มากกว่าองค์กรที่ประสบความสำเร็จโดยไม่สนใจเรื่อง ESG เลย เพราะมองว่าองค์กรที่ใส่ใจสิ่งรอบข้าง จะมีความอดทนอดกลั้น และเป็นมืออาชีพมากกว่า

                     4. สร้างคุณค่าให้กับการทำงาน (Sense of Purpose) : โลกการทำงานในปัจจุบัน เป็นโลกที่ผู้คนมองหาคุณค่าและความหมายของการใช้ชีวิตมากกว่าที่เคย เหตุนี้การทำงานซึ่งถือเป็นช่วงเวลาส่วนใหญ่ในชีวิตประจำวัน จึงจำเป็นต้องตอบสนองค่านิยมที่เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด  นอกจากนี้ เรายังต้องนึกถึงเรื่องของ Sense of Personal Involvement เพื่อทำให้คนรู้สึกว่าการทำงานของเขามีอิทธิพลต่อองค์กร

                     หากผู้บริหารทำให้พนักงานรู้สึกว่าเขาได้รับเกินกว่าที่คาดหวัง ก็จะช่วยให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข

                     5. ช่วยรักษาและดึงดูดพนักงานที่มีฝีมือเข้ามาสู่องค์กร (Recruiting & Retention) : New York Times รายงานว่า นักศึกษาที่จบใหม่ส่วนใหญ่ยินดีรับเงินเดือนน้อยกว่า หากได้ทำงานในองค์กรที่ใส่ใจเรื่อง ESG โดยประเด็นที่น่าสนใจที่สุดก็คือพนักงานถึง 95% มองว่านอกจากองค์กรจะต้องใส่ใจพนักงานของตนแล้ว ยังต้องรู้จักเลือกพันธมิตรหรือบริษัทคู่ค้าที่ให้ความสำคัญกับเรื่อง ESG เช่นกัน

                     ดังนั้นหากดูตามสถิติที่บอกว่าชาว Gen Z จะกลายเป็นกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญต่อโลกธุรกิจภายในปี 2029 ก็แปลว่าองค์กรที่จะอยู่รอดได้จนถึงวันนั้น ต้องเริ่มใส่ใจเรื่อง ESG โดยเร็ว

                     การให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ยังช่วยให้เราเอาชนะกระแสการลาออกครั้งใหญ่ (The Great Resignation) ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก เพราะในขณะที่มีคนลาออกมากเป็นประวัติการณ์ ก็ยังมีพนักงานอีกหลายกลุ่มที่แสวงหาความมั่นคง ทั้งในแง่ของภาระหน้าที่และการรักษาสภาพจิตใจให้สมบูรณ์ ซึ่งองค์กรที่เน้นเรื่อง ESG จะตอบโจทย์ตรงนี้อย่างชัดเจน